การจัดการงานอาชีพ
สาระสำคัญ
อาชีพ คือการทำมาหากินของมนุษย์ เป็นการแบ่งหน้าที่การทำงานของคนในสังคม และทำให้ดำรงอาชีพในสังคมได้ บุคคลที่ประกอบอาชีพจะได้ค่าตอบแทน
หรือรายได้ที่จะนำไปใช้จ่ายในการดำรงชีวิต
และสร้างมาตรฐานที่ดีให้แก่ครอบครัว ชุมชน และประเทศชาติ
ความจำเป็นของการประกอบอาชีพมีดังนี้
1. เพื่อตนเอง การประกอบอาชีพทำให้มีรายได้มาจับจ่ายใช้สอยในชีวิต
2. เพื่อครอบครัว ทำให้สมาชิกของครอบครัวได้รับการเลี้ยงดูทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
3. เพื่อชุมชน
ถ้าสมาชิกในชุมชนมีอาชีพและมีรายได้ดีจะส่งผลให้สมาชิกมีความเป็นอยู่ดีขึ้น
อยู่ดีกินดี ส่งผลให้ชุมชนเข้มแข็งและพัฒนาตนเองได้
4. เพื่อประเทศชาติ เพื่อประชากรของประเทศมีการประกอบอาชีพที่ดี มีรายได้ดี
ทำให้มีรายได้ที่เสียภาษีให้กับรัฐบาลมีรายได้ไปใช้บริหารประเทศต่อไป
มนุษย์ไม่สามารถผลิตสิ่งต่างๆมาสนองความต้องการของตนเองได้ทุกอย่างจำต้องมีการแบ่งกันทำและเกิดความชำนาญ
จึงทำให้เกิดการแบ่งงานและแบ่งอาชีพต่างๆขึ้น สาเหตุที่ต้องมีการแบ่งอาชีพมีดังนี้
1. ความรู้ความสามารถของแต่ละคนแตกต่างกัน
2. ตำแหน่งทางภูมิศาสตร์และภูมิประเทศที่แตกต่างกัน
3. ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ที่แตกต่างกัน
การแบ่งงานและอาชีพให้เกิดประโยชน์
ดังนี้
1. สามารถตอบสนองความต้องการซึ่งกันและกันได้
2. ได้ทำงานที่ตนเองถนัด
3. ทำให้เกิดการขยายตัวของธุรกิจในด้านต่างๆ
การประกอบอาชีพของคนไทย
การทำมาหากินของคนไทยสมัยก่อน
คือการทำไร่ ทำนา ทอผ้า
ทำเครื่องจักสานไว้ใช้ที่เหลือก็จะจำหน่ายในชุมชน คนไทยบางกลุ่มจะเป็นข้าราชการเมื่อบริษัทต่างชาติมาลงทุนในประเทศไทย
ทำให้มีการจ้างงาน และมีอาชีพให้คนไทยเลือกทำมากขึ้น
ลักษณะอาชีพของคนไทย
1. งานเกษตรกรรม เช่น ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์
การประมง
2. งานอุตสาหกรรม เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับความถนัดด้านช่างสาขาต่างๆ
และเครื่องจักรเพื่อผลิตสินค้าและบริการต่างๆ
3. งานธุรกิจ เป็นงานด้านการค้าขาย
การทำบัญชี การจัดการธุรกิจ
การติดต่อสื่อสารเทคโนโลยีสารสนเทศ
4. งานคหกรรม
เป็นงานที่เกี่ยวข้องกับการประกอบอาหาร เย็บปักถักร้อย ตกแต่งบ้าน
5. งานศิลปกรรม
เป็นงานที่มีความละเอียดอ่อน ความคิดสร้างสรรค์ด้านศิลปกรรมของไทย เช่น
งานหัตถกรรม ประติมากรรม จิตรกรรม
ปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดความสำเร็จในงานอาชีพ
สาระสำคัญ
1. ความต้องการมุ่งความสำเร็จ (Need for Achivement) ในการทำงานเมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้วและมองเห็นโอกาสแห่งความเป็นไปได้ ผู้ประกอบการจะต้องมุ่งมั่นใช้กำลังกาย
กำลังความคิด สติปัญญาและความสามารถทั้งหมด
พร้อมทั้งทุ่มเทเวลาให้กับงาน
โดยไม่คำนึงถึงความยากลำบาก
เพื่อให้งานบรรลุความสำเร็จที่มุ่งหวังไว้
ผู้ประกอบการจะต้องเรียนรู้ถึงความผิดพลาดที่ผ่านมาเพื่อแก้ไขให้เกิดความสำเร็จ พอใจ
ภูมิใจที่งานออกมาดี
แต่สิ่งที่สำคัญคือ
จุดมุ่งหมายทางธุรกิจ
มิได้อยู่ที่กำไร
แต่จะต้องทำเพื่อขยายความเจริญเติบโตของกิจการ กำไรเป็นเครื่องสะท้อนว่าทำได้
และไม่เพียงสนใจต่อการบรรลุเป้าหมายเท่านั้น แต่จะต้องให้ความสำคัญต่อวิธีการหรือกระบวนที่ทำให้บรรลุเป้าหมายด้วย
2. มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ (Creativity Thinking) การจะเป็นผู้สำเร็จในงานอาชีพได้นั้น จะต้องเป็นผู้ที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
ไม้พอใจในการทำสิ่งซ้ำๆเหมือนเดิมตลอดเวลา
แต่เป็นผู้ที่ชอบนำประสบการณ์ที่ผ่านมาประยุกต์ สร้างสรรค์
หาวิธีใหม่ที่ดีกว่าเดิม
สามารถหาแนวทางพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการ
ปรับปรุงกระบวนการดำเนินการอยู่ตลอดเวลา
กล้าที่จะผลิตสินค้าที่แตกต่างจากเดิม กล้าใช้วิธีขายที่ไม่เหมือนใคร กล้าประดิษฐ์
กล้าคิดค้นสิ่งที่แปลกใหม่เข้าสู่ตลาด
สามารถคิดค้นประดิษฐ์เครื่องจักรเครื่องมืออุปกรณ์ใหม่ๆ
มาใช้ในการผลิต
สามารถนำเทคโนโลยีใหม่ๆมาใช้
รวมทั้งแสวงหาวัตถุดิบใหม่ๆมาทดแทนของเดิม
รู้จักปรับปรุงกระบวนการดำเนินงาน
นำระบบการจัดการสมัยใหม่ที่มีประสิทธิภาพมาใช้เพื่อลดต้นทุน ความคิดสร้างสรรค์เหล่านี้ อาจเกิดขึ้นด้วยตัวเอง
หรือเอาแนวคิดมาจากนักประดิษฐ์ นักวิจัยหรือผู้เชี่ยวชาญก็ได้
3. รู้จักผูกพันต่อเป้าหมาย (Addicted to Goals) เมื่อตั้งเป้าหมาย
ผู้ประกอบการจะต้องทุ่มเททุกอย่างเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย
เป้าหมายทุกเป้าหมายล้วนจะต้องเอาชนะทั้งสิ้น มีความคิดผูกพันที่จะเอาชนะ จนสามารถวางแผนกลยุทธ์ไว้ล่วงหน้า มีการวิเคราะห์ปัญหา อุปสรรค
ขัดขวางในการไปสู่เป้าหมาย
เตรียมป้องกันที่จะเอาชนะอุปสรรค
ที่คาดว่าจะทำให้เกิดความล้มเหลว
และหาหนทางแก้ไขเมื่อประสบความเหลว
และในขณะเดียวกันการมองโลกในแง่ดีมีความหวัง
มุ่งมั่นต่อไปเป้าหมายของความสำเร็จจะมองเห็นในอนาคต
4. มีความสามารถในการบริหารงานและมีความเป็นผู้นำที่ดี (Management
and Leadership Capability) มีลักษณะการเป็นผู้นำ
รู้จักหลักการบริหารจัดการที่ดี
ภาวะการเป็นผู้นำจะแตกต่างไปตามระยะการเจริญเติบโตของธุรกิจ ในระยะเริ่มทำธุรกิจ จะต้องรับบทบาทการเป็นผู้นำจะแตกต่างไปตามระยะการเติบโตของธุรกิจ ในระยะเริ่มทำธุรกิจ
จะต้องรับบทบาทเป็นผู้นำที่ลงมือทำทุกอย่างด้วยตนเอง ต้องทำงานหนักเพื่อบรรลุความสำเร็จ เอาใจใส่ผู้ร่วมงาน วางแผนทางการทำงาน
ให้คำแนะนำและให้ผู้ร่วมงานรับค่าสิ่งด้วยความเต็มใจในการปฏิบัติงาน
เป็นผู้กำกับดูแลอย่างใกล้ชิดและเป็นกันเองจะทำให้การดำเนินงานเป็นไปด้วยดี
5. มีความเชื่อมั่นในตนเอง (Be Self Confident) ผู้ประกอบการที่จะประสบความสำเร็จมักจะเป็นผู้ที่มีความเชื่อมั่นในความสามารถของตนเอง มีความเป็นอิสระและรู้จักพึ่งตนเอง มีความมั่นใจ
มีความเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว
มีลักษณะเป็นผู้นำ มีความเชื่อมั่นที่จะเอาชนะสิ่งแวดล้อมที่น่ากลัว มีความทะเยอทะยาน
และไม่ประเมินความสามารถของตนเองสูงเกินไปหรือเชื่อมั่นตนเองมากเกินไป
สาระสำคัญ
หากเปรียบเสาเข็มเป็นรากฐานของตึกสูง ความรู้ที่ได้รับจากการศึกษา ก็คือ
พื้นฐานที่จะนำไปใช้ในการประกอบอาชีพ สร้างรายได้และจัดหาปัจจัย 4 อันเป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตอยู่อย่างมั่นคง
ในการเลือกประกอบอาชีพนั้น ควรพิจารณาจากความถนัด ความสนใจ ความก้าวหน้าในอาชีพ
เป็นอาชีพที่สุจริตถูกต้องตามกฎหมาย และควรเป็นงานที่ทำแล้วมีความสุข
ได้รับค่าตอบแทนที่เพียงพอกับการดำเนินชีวิต และเลี้ยงครอบครัวได้อย่างเพียงพอ
หากทุกคนเลือกอาชีพที่มีความมั่นคงต่อชีวิต สังคมก็จะมีความเป็นอยู่ที่ดี
เศรษฐกิจก็จะเจริญก้าวหน้าตามไปด้วย
ที่มา https://sueheera.weebly.com/
สืบค้นเมื่อ 27/12/60